Point of view
วัน-เวลาทำการ : เราจะติดต่อกลับในเวลาทำการ : จันทร์ - ศุกร์ 09.00 - 17.00
(หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และ วันหยุดตามปฏิทิน)
ติดต่อข่าวสารโปรโมชั่นทัวร์
qrcode
@povtravel

เช็คอินนครปฐม กิน ชิลล์ เที่ยวง่ายใกล้กรุง

กรกฎาคม 15, 2020 | by Point of view

เช็คอินนครปฐม กิน ชิลล์ เที่ยวง่ายใกล้กรุง “ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน”

“นครปฐม” เป็นอู่อารยธรรมสำคัญที่มีประวัติความเป็นมายาวนานในแผ่นดินสุวรรณภูมิ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์กล่าวว่า เมืองนครปฐมแต่เดิมนั้นตั้งอยู่ริมทะเล เป็นเมืองเก่าแก่ มีความเจริญรุ่งเรืองมานับตั้งแต่สมัยสุวรรณภูมิ และเป็นราชธานีสำคัญในสมัยทวารวดี ในยุคนั้นนครปฐมเป็นแหล่งเผยแพร่อารยธรรมจากประเทศอินเดีย ซึ่งรวมทั้งพุทธศาสนา นครปฐมจึงเป็นศูนย์กลางของความเจริญ มีชนชาติต่างๆ อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นจำนวนมาก ต่อมาได้เกิดความแห้งแล้งขึ้นในเมืองนครปฐม เพราะกระแสน้ำที่ไหลผ่านตัวเมืองเปลี่ยนเส้นทาง ประชาชนจึงอพยพไปตั้งหลักแหล่งอยู่ริมน้ำ และสร้างเมืองใหม่ขึ้นชื่อ “เมืองนครไชยศรี” หรือ “ศรีวิชัย” นครปฐมจึงกลายเป็นเมืองร้างมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ทรงยังผนวชได้ธุดงค์ไปพบพระปฐมเจดีย์ และทรงเห็นว่าเป็นเจดีย์องค์ใหญ่ไม่มีที่ใดเทียบเท่า ครั้นเมื่อได้ครองราชย์ จึงโปรดฯ ให้ก่อเจดีย์แบบลังกาครอบองค์เดิมไว้ โดยให้ชื่อว่า “พระปฐมเจดีย์” ทรงปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ให้มีสภาพดี และโปรดฯ ให้ขุดคลองเจดีย์บูชาเพื่อให้การเสด็จมานมัสการสะดวกขึ้น

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ผ่านเมืองนครปฐม ซึ่งขณะนั้นยังเป็นป่ารก พระองค์จึงโปรดฯ ให้ย้ายเมืองจากตำบลท่านา อำเภอนครชัยศรี มาตั้งที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์เหมือนเช่นครั้งสมัยโบราณ

ครั้งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้สร้างพระราชวังสนามจันทร์เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานและฝึกซ้อมรบแบบเสือป่า โดยโปรดฯ ให้ตัดถนนเพิ่มขึ้นอีกหลายสาย รวมทั้งสร้างสะพานเจริญศรัทธาข้ามคลองเจดีย์บูชาเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟกับองค์พระปฐมเจดีย์ ตลอดจนสร้างพระร่วงโรจนฤทธิ์ทางด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์และบูรณะองค์พระปฐมเจดีย์ให้สมบูรณ์สวยงามดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และได้โปรดให้เปลี่ยนชื่อจากเมือง “นครไชยศรี” เป็น “นครปฐม”

จัดไปชุดใหญ่ไฟกระพริบ ห้ามพลาดไปกับที่เที่ยวฟินๆ ที่นครปฐม ไปดูกันว่าควรที่ไหนบ้าง

1.องค์พระปฐมเจดีย์

องค์พระปฐมเจดีย์ เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ วัดประจำจังหวัดนครปฐม ถ้าทุกคนได้มานครปฐมต้องมาเพื่อสักการะ ที่นี่เป็นปูชนียสถานสำคัญของประเทศไทย ที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองนครปฐม ‘วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร’ พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ซึ่งมีประวัติความเป็นมายาวนานในแผ่นดินสุวรรณภูมิ และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้า ลักษณะเป็นพระเจดีย์ใหญ่ รูประฆังคว่ำ ปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุงรัดด้วยโซ่เส้นมหึมาก่ออิฐถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ มีวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น เป็นที่เคารพสักการบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก

          พระปฐมเจดีย์ เดิมเรียกว่า ‘พระธมเจดีย์’ มีฐานะเป็นมหาธาตุหลวงของแผ่นดินสุวรรณภูมิ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) มีพระราชวินิจฉัยว่า พระธมเจดีย์องค์นี้อาจสร้างขึ้นเมื่อคราวพระสมณทูตในพระเจ้าอโศกมหาราช เดินทางมาเผยแผ่ศาสนายังสุวรรณภูมิก็เป็นได้ เพราะพระเจดีย์เดิมมีลักษณะทรงโอคว่ำ แบบเดียวกับพระสถูปสาญจี แต่ปรากฏว่ามียอดเป็นแบบปรางค์ ซึ่งพระองค์ฯ มีพระราชวินิจฉัยว่า อาจมีเจ้านายพระองค์ใดมาบูรณะไว้ก็เป็นได้ ทั้งนี้จึงพระราชทานนามใหม่ว่าพระปฐมเจดีย์ ด้วยทรงเชื่อว่านี่คือเจดีย์แห่งแรกของสุวรรณภูมิ และในทุกปีทางวัดได้จัดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึง วันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 รวมทั้งหมดเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ให้ประชาชนได้มากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมชมความงดงามขององค์พระปฐมเจดีย์แห่งนี้กันอย่างทั่วถึง สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 7.00 – 18.00น.

การเดินทาง

โดยรถยนต์ การเดินทางโดยรถยนต์ ไปได้ 2 เส้นทาง คือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สามพราน ไปจนถึงจังหวัดนครปฐม หรือใช้ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ไปจนถึงตัวจังหวัดนครปฐม จะมีป้ายบอกให้เลี้ยวขวาไปพระปฐมเจดีย์

ข้อมูลที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

2.ตลาดน้ำดอนหวาย

ตลาดน้ำชื่อดัง ตลาดเก่าแก่ของจังหวัดนครปฐม ที่ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เพราะ ‘ตลาดดอนหวาย’ มีของกินสารพัดให้ตื่นตาตื่นใจคนชอบชิม ทั้งอาหารคาวหวานที่ไม่ใช่แค่เยอะ แต่ยังอร่อยทุกร้าน และเป็นอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมอีกด้วย เช่น เป็ดพะโล้ ต้มเค็มปลาทู ต้มเค็มปลาตะเพียน ขนมจีนน้ำยากะทิ น้ำยาป่า ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากรายแท้ และขนมไทยโบราณ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของนักกินโดยแท้ ยังมีผักและผลไม้ที่ส่งตรงมาจากสวนชาวบ้านให้เลือกซื้อกันอีก บรรยากาศก็โดนใจกับกลิ่นอายย้อนยุค ที่มีร้านค้าเรียงรายอยู่ตามแพและเรือนริมน้ำ พออิ่มท้องกันแล้ว ก็ต้องไปนั่งเรือล่องแม่น้ำท่าจีน ชมวิวสองฟากฝั่ง สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำ ทำให้ได้เห็นบ้านทรงไทยหลายแบบ บางหลังเป็นอาคารไม้เก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งหาชมได้น้อยเต็มทีในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนตลาดดอนหวาย

          กิจกรรมล่องเรือ เส้นทางแรก ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที ค่าเรือผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็กคนละ 25 บาท เส้นที่สอง ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ค่าเรือผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท สอบถามข้อมูลติดต่อ ศรีสวัสดิ์ย้อนยุค อาจารย์สวัสดิ์ โทร.+66 3439 3637, มิตรสายชล โทร. +668 1446 8556, เรือรุ้งฟ้า โทร.+668 1241 8027, เรือโชคดี โทร.+668 1241 8027

การเดินทาง

โดยรถยนต์ จากสะพานปิ่นเกล้า มุ่งตรงไป ถนนปิ่นเกล้า – นครชัยศรี ผ่าน ถนนพุทธมณฑล สาย 1-2-3 เมื่อผ่านถนนพุทธมณฑลสาย 4 สังเกต ป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายเข้าพุทธมณฑลสาย 5 ขับเข้ามายังถนนพุทธมณฑลสาย 5 ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเจอสี่แยกเลี้ยวขวา มุ่งตรงสู่วัดดอนหวาย รวมระยะทางจาก สะพาน ปิ่นเกล้า – วัดดอนหวาย 27 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที – ใช้เส้นทาง ถนนเพชรเกษม จากสี่แยกท่าพระ ตรงมาเรื่อยๆ ผ่าน บางแค หนองแขม ผ่านทางแยกเข้าพุทธมณฑล สาย 4 ตรงมาเรื่อยๆ เมื่อถึงทางแยกถนนพุทธมณฑลสาย 5 เลี้ยวขวา ตรงมาระยะทาง 6 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายมุ่งตรงสู่วัดดอนหวาย รวมระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 30 – 60 นาที

3.พุทธมณฑล

สถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา ที่ใครผ่านไปมาแถวศาลายา จะสัมผัสได้ถึงความร่มรื่น งดงาม และสงบเงียบ บนอาณาเขตกว้างขวางประมาณ  2,500 ไร่ ของ ‘พุทธมณฑล’ สร้างขึ้นเพื่อฉลองวาระกึ่งพุทธกาล เมื่อ พ.ศ. 2500 หากอีกสิ่งสำคัญที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ พระพุทธรูปปางลีลา เรียกว่า ‘พระศรีศากยะทศพลญาณ’ เป็นพระประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ มีความโดดเด่นอยู่ตรงผ้าจีวรที่มีความพลิ้วเหมือนจริง ออกแบบโดย ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี สร้างเสร็จและฉลอง เมื่อ พ.ศ. 2525 คราวสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี  

เช็คอินนครปฐม กิน ชิลล์ เที่ยวง่ายใกล้กรุง การก่อสร้างพุทธมณฑลเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็น นายกรัฐมนตรี เมื่อสร้างองค์พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์สำเร็จ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จประกอบพิธีสมโภช เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2525 หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างถาวรวัตถุเพิ่มเติมมาตลอด เช่น มหาวิหารประดิษฐานพระไตรปิฎกหินอ่อน และหอประชุม เป็นต้น ปัจจุบันนอกจากจะเป็นศูนย์รวมการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และจัดกิจกรรมประเพณีต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาพักผ่อนได้อีกด้วย สามารถเข้ารับชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น.

การเดินทาง

โดยรถยนต์ การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม พอผ่านบางแคไปตามถนนเพชรเกษมประมาณกิโลเมตรที่ 22 ให้ เลี้ยวขวาเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ไปประมาณ 8 กิโลเมตร พุทธมณฑลจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ หรือใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม กิโลเมตรที่ 17-18 จะมีแยกซ้ายเข้าพุทธมณฑล ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับตรงไปประมาณ 1.3 กิโลเมตร พุทธมณฑลจะอยู่ทางด้านขวามือ

4.ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน

ความสนุกสนานและความตื่นเต้นกับกิจกรรมหลากรูปแบบที่ ‘ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน’ จะทำให้ทริปวันหยุดของครอบครัวเต็มไปด้วยความประทับใจ สถานที่แห่งนี้เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 ก่อตั้งโดย คุณพิชัย ชัยมงคลตระกูล เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้ แหล่งเพาะพันธุ์พืชและสัตว์ โดยเฉพาะจระเข้ที่ใกล้สูญพันธุ์จากแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงเป็นแหล่งอนุรักษ์ช้างโดยนำช้างตกงานจากสุรินทร์มาฝึกหัดเพื่อแสดงโชว์ความสามารถ ทำให้ช้างจำนวนหนึ่งได้อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องออกร่อนเร่หากินตามท้องถนน บริเวณลานแสดงช้าง ใช้ทำการแสดงช้างประกอบเสียงและแสดงมายากล ถ้าอยากนั่งช้างชมวิวก็มีกิจกรรมขี่ช้างท่องอุทยานไว้บริการ ส่วนที่เป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงจระเข้ จะมีบ่อเพาะเลี้ยงจระเข้น้ำจืด น้ำเค็ม และพันธุ์ผสม ทุกบ่อจะปูพื้นด้วยซีเมนต์ก่อนกลบดินทับ เพื่อป้องกันจระเข้ขุดดินและหลุดออกนอกบ่อ ส่วนพื้นที่ทำการแสดงจับจระเข้ด้วยมือเปล่าจะทำในบ่อน้ำตื้น และมีอัฒจรรย์ 2 ชั้นให้นักท่องเที่ยวนั่งชม บริเวณหน้าเรือนกล้วยไม้จะมีบอร์ด เกี่ยวกับวงจรชีวิตของช้าง จระเข้ กล้วยไม้ ฯลฯ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และทัศนศึกษา ภายในสวนกล้วยไม้มีพื้นที่ประมาณ 5 ไร่ สำหรับเพาะพันธุ์กล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะแคทลียา นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น อุทยานปลาน้ำจืด สนามเด็กเล่น สวนสัตว์ขนาดเล็ก ลานต้นไทรสำหรับนั่งพักผ่อน หรือจะชมลูกช้าง เกิดใหม่ และป้อนอาหารช้างก็ยังได้ รวมถึงมีร้านอาหารไทย ซุ้มขนม น้ำดื่ม ไว้บริการให้กับนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ที่นี่ยังจัดกิจกรรมพิเศษประจำปีในช่วงวันเด็กแห่งชาติและมีประเพณีเลี้ยงบุฟเฟ่ต์ช้างทุกวันที่ 1 พ.ค.ซึ่งตรงกับวันแรงงานแห่งชาติ ใครชอบดูสัตว์สนุกกับกิจกรรมในบรรยากาศแบบเอาต์ดอร์น่าจะถูกใจ  สามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 17.30 น.

การเดินทาง

โดยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 4 ลานแสดงช้างและฟาร์มจระเข้สามพราน อยู่ห่างจากแยกพุทธมณฑลสาย 4 ประมาณ 9 กิโลเมตร อยู่ด้านซ้ายมือติดกับปั๊มปตท.           

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.+66 2295 2938

ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

5.พระราชวังสนามจันทร์

พระราชวังสนามจันทร์ ตั้งอยู่ในตัวเมือง ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 2 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 888 ไร่ 3 งาน 24 ตารางวา พระราชวังแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ตั้งแต่ยังทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2450 โดย หลวงพิทักษ์มานพ (น้อย ศิลปี) ซึ่งต่อมาเลื่อนยศเป็นพระยาศิลป์ประสิทธิ์ เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง พระที่นั่ง เมื่อแรกสร้างมี ีเพียง 2 พระที่นั่ง ได้แก่ พระที่นั่งพิมานปฐม และพระที่นั่งอภิรมย์ฤดี และพระราชทานนามตาม ประกาศลงวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2454  และต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำพิธียกพระมหาเศวตฉัตร ขึ้นประดิษฐานเหนือพระแท่นรัตนสิงหาสน์ ภายในพระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2466

6.วัดไร่ขิง

แม้จะได้รับการตั้งชื่อใหม่เป็น ‘วัดมงคลจินดาราม’ ทว่าชาวบ้านก็ยังคงเรียกด้วยความคุ้นเคยว่า ‘วัดไร่ขิง’ ตามชื่อของชุมชนแถบนี้ ซึ่งในอดีตเป็นที่อยู่ของชาวจีนและนิยมปลูกขิงกันอย่างแพร่หลาย วัดไร่ขิงนี้สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด อาศัยจากคำบอกเล่าว่า สร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2394 หากสิ่งสำคัญซึ่งเป็นที่นับถือของผู้คนจำนวนมากก็คือ พระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง ซึ่งประดิษฐานในพระอุโบสถ ตามตำนานเล่าว่าลอยน้ำมาและอัญเชิญขึ้นไว้ที่วัดศาลาปูน องค์พระพุทธรูปเป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย พุทธลักษณะงดงามด้วยพุทธศิลป์ 3 สมัย คือ พระรูปผึ่งผายแบบเชียงแสน พระหัตถ์เรียวงามแบบสุโขทัย และพระพักตร์งดงามในแบบรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี 5 ชั้น สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือช่างสมัยไทยล้านนาและล้านช้าง พระอุโบสถของวัดเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น  รอบพระอุโบสถมีวิหารประจำทิศต่างๆทั้งสี่ทิศ  ศาลาจัตุรมุขตั้งอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของอุโบสถ เป็นศาลาทรงไทย 4 มุข มีมณฑปกลางสระน้ำ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของอุโบสถ

โดยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายถนนเพชรเกษม ผ่านสวนสามพราน จะพบป้ายของวัดไร่ขิงอยู่ทางขวามือ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนหรือแม่น้ำนครชัยศรี ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 32 กิโลเมตร

7.วัดศีรษะทอง

ภาพจาก FB : วัดศีรษะทอง – วัดพระราหู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

          ‘วัดศีรษะทอง’ นับว่าเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในอำเภอนครชัยศรี สร้างขึ้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมื่อ พ.ศ. 2358 และวัดแห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมของชาวลาวเวียงจันทน์และชุมชนใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณวัดศีรษะทองเดิมเป็นป่ารกร้างไร้ผู้คนอาศัย เพราะอยู่ห่างจากแหล่งน้ำ จนในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้มีชาวลาวจากเวียงจันทร์อพยพมาตั้งถิ่นฐาน มีการถางป่าสร้างชุมชนขึ้น เมื่อมั่นคงแล้วจึงสร้างวัด และได้พบเศียรพระพุทธรูปทองจมดินอยู่  จึงตั้งชื่อว่า ‘วัดหัวทอง’ ภายหลังมีการขุดคลองจากแม่น้ำท่าจีน ที่ตลาดต้นสน เพื่อเป็นทางเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ประชาชนจึงย้ายมาอยู่ริมคลองเจดีย์บูชา ในการนี้ได้ย้ายวัดมาด้วยเพื่อสะดวกต่อการสัญจร และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดศีรษะทองจนถึงปัจจุบันด้วยเป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน จึงมีทั้งโบราณวัตถุ และโบราณสถานสำคัญๆ ทั้งมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ และสมุนไพรมาตั้งแต่อดีต หากที่โด่งดังมากๆ คือเรื่องของพระราหู ซึ่งทางเจ้าอาวาส หลวงพ่อน้อย นาวารัตน์ ท่านเป็นพระที่ฟื้นฟูเรื่องพระราหูขึ้นมา จนมีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศต่างเข้ามากราบไหว้บูชาพระราหูกันอยู่ตลอด

          จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนสายเพชรเกษม ขับไปจังหวัดนครปฐม เมื่อถึงสี่แยกไฟแดงท่านา ให้ขับผ่านสี่แยกไฟแดงไปประมาณ 2 กิโลเมตร จะเห็นทางเข้าวัดศีรษะทองอยู่ทางด้านขวามือ ให้กลับรถ จากทางเข้าริมถนนเพชรเกษมขับเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะพบสะพานคอนกรีตด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพาน จากนั้นจะเห็นทางรถไฟ และวัดศีรษะทองอยู่ด้านหน้า
ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

8.ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง

ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง  เป็นตลาดแนวพักผ่อนเชิงธรรมชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวจะได้มาพักผ่อนกับเพื่อนฝูง และครอบครัว สามารถมาชมดอกบัวแดงได้ตลอดทั้งปี  ที่สำคัญ ดอกบัวของทุ่งบัวแดง ณ บางเลน แห่งนี้ ไม่ว่าจะมาเที่ยวในเวลาไหนก็จะเห็นบัวบานได้ตลอดทั้งวัน ภายในตลาดน้ำมีร้านค้าขายอาหารทั้งคาวหวานให้ได้เลือกซื้อหามากมาย พร้อมบริการนั่งเรือชมทุ่งบัวแดง ให้ได้ลงลัดเลาะชมดอกบัวแดงแบบใกล้ๆ จะมีเสียค่าบริการเพื่อลงเรือลำละ 800 บาท สามารถนั่งได้ 4-5 ท่าน พร้อมมีบริการถ่ายภาพ ด้วยโดรน ให้ด้วย (สำหรับร่ม เหมือนในภาพ สามารถเช่าได้เลยที่ท่าเรือ คิดร่มคันละ 20 บาท นะครับ)

9.หอภาพยนตร์ เมืองมายา

ภาพยนตร์เกิดขึ้นอย่างไหน เกิดขึ้นที่ไหน ใครเป็นคนเริ่ม ที่นี่มีคำตอบ มีรอบชมภาพยนตร์จากเครื่องฉายมือ มีเครื่องฉายภาพยนตร์แบบกล่อง สถานที่ฉายหนังครั้งแรกของโลกที่ประเทศฝรั่งเศส ตึกสไตล์ปารีสและนิวยอร์ก หรืออาคารบ้านเรือนสมัยร.5 มีมุมต่างๆให้ถ่ายภาพเก๋ๆมากมาย ที่สำคัญคือ เข้าฟรีครับ แต่ถ้าอยากดูหนังคนละ 10 บาทเท่านั้นเอง

พิกัด : ถนนพุทธมณฑล สาย 5 จังหวัด นครปฐม ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล

โทรศัพท์ : 02-4822013-14 , 08-4821087-88

เวลาเปิด-ปิด : วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 17.00 น.

10.เมืองรัตติยา

ขอบคุณภาพจาก FB : เมืองรัตติยา

เปิดแลนด์มาร์กใหม่จังหวัดนครปฐม กับเมืองรัตติยา สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจแบบย้อนยุค ชมกำแพงเมืองเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยา ริมแม่น้ำท่าจีน พร้อมช้อปปิ้ง กิน เที่ยว ถ่ายรูปชิล ๆ เมืองรัตติยา ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ตำบลคลองนกกระทุง อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ห่างจากตลาดน้ำวัดลำพญาเพียงแค่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น มีลักษณะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสไตล์ย้อนยุค พื้นที่กว้างขวางกว่า 25 ไร่ โดดเด่นด้วยป้อมปราการกำแพงเมืองท่าประตูชัย กำแพงเมืองสีขาวสุดยิ่งใหญ่ สถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา มีป้อมปราการและประตูเมืองสวยอลังการ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ตรงบริเวณปากคลองนกกระทุง ซึ่งได้เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง “ศรีอโยธยา” อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดของที่นี่ก็คือ สะพานแขวนโบราณสีแดงที่ทอดข้ามคลองนกกระทุง เป็นจุดถ่ายรูปชิค ๆ ที่ไม่ว่าจะถ่ายเวลาไหนก็สวยงามโดดเด่น

เมืองรัตติยา เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.30 น. เข้าเที่ยวชมฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 06 3058 5672 หรือเฟซบุ๊ก เมืองรัตติยา

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่หมีพอยท์ได้นำเสนอไปแล้วนครปฐมก็ยังมี คาเฟ่สุดชิลริม หรือ ทั้งแบบริมติดนาข้าวใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ล่าสุด ต่างๆ เช่น บ้านปายนา , ร้านนั่งห้อยขา@นครชัยศรี , The Scene Cafe By The River นครปฐม , ดูบัวคาเฟ่ , The Three Little Pigs , O2 Kaffee & Bistro , After The Rain coffee , ชะตาธรรมชาติ , พร้าวคาเฟ่ , Gokotta.coffeeroaster , อยู่ถนอมคาเฟ่ , บันไดสวรรค์ ที่เเรกในนครปฐม บ้านใบพลูเตี๋ยว๙เส้น , Kram Farmstay เเละ Aliv Cafe , ร้านกาแฟสายชิล ริมเเม่น้ำ เหมาะกับมา slow life Home No.eight และยังมีอีกมากมายอีกมากมายที่รอการค้นพบโดยผู้มาเยือน รีบมาเช็คอินตามเทรนกันเลยครับ

สนใจเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก เข้าชมได้เลย คลิกที่นี่ http://povtravel.co.th/

Booking.com